นางนงชนกสถานานนท์ผู้จัดการทั่วไปเดอะคอฟฟี่คลับภายใต้การดำเนินการของ บริษัทเดอะไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ปจำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่าแผนงานหลังจากนี้จะเร่งเพิ่มจำนวนสมาชิกหรือเมมเบอร์มากขึ้นจากปี 64มี20,000เมมเบอร์เพิ่มเป็น100,000เมมเบอร์ในสิ้นปีนี้จากนั้นเพิ่มเป็น200,000เมมเบอร์หรือ5เท่าตัวโดยมอบสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายเนื่องจากมองว่า กลุ่มดังกล่าวมีการซื้อต่อบิลค่อนข้างสูงเฉลี่ย600บาทต่อบิลขณะที่ลูกค้าทั่วไปซื้ออยู่ที่200บาทต่อบิลเท่านั้นตั้งเป้าหมายช่วยผลักดันให้มียอดขายเพิ่มจาก500ล้านบาทในสิ้นปีนี้เป็น800ล้านบาทในปี 66คำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต pg
ขณะเดียวกัน ปีหน้าจะเปิดสาขาใหม่อีก 6 สาขา แบ่งเป็นคอนเซปต์ใหม่ 2 สาขา ที่ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และรูปแบบแกร็บแอนด์โก หรือซื้อกลับไปรับประทาน 4 สาขา ซึ่งจะเน้นในเมืองท่องเที่ยว และศูนย์การค้าโครงการมิกซ์ยูส และคอมมูนิตี้มอลล์ มากขึ้น เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าชาวไทยเป็นหลัก ตั้งเป้าสัดส่วนคนไทย 60% ต่างชาติ 40% จากปี 64 นี้คาดว่ามี 39 สาขา หากรวมในสนามบินด้วย จะมีทั้งหมด 44 สาขา พร้อมกับมีโมเดลฟู้ดทรัคที่ราชพฤกษ์อีก 1 คัน และปีหน้าจะขยายไปย่านปิ่นเกล้า เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าที่อยู่รอบนอกกรุงเทพฯ เพิ่ม เพราะปัจจุบันสาขาส่วนใหญ่เปิดในตัวเมืองเป็นหลัก
“ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19ส่งผลให้เร่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านร้านเดอะคอฟฟี่คลับที่ปัจจุบันมีทั้งหมด35สาขาทั่วประเทศและสิ้นปีมี39สาขาจากการพัฒนาและปรับปรุงเมนูใหม่ๆทั้งในกลุ่มที่เป็นซิกเนเจอร์อย่างเมนูอาหารเช้าและเครื่องดื่มเมนูกาแฟให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้นอีกทั้งสร้างจุดเด่นของการนั่งรับประทานสบายๆ ได้ตลอดทั้งวันซึ่งถือจะตอบโจทย์การตลาดในการทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ในวงกว้างได้เป็นอย่างดี”